วางตัวเป็น iot platform(Software+Hardware) สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่โชว์จุดขายว่าใช้งานง่าย
สามารถสร้าง product ที่มี feature ยากๆหรือมีความซับซ้อนให้ออกมาได้เร็วด้วย software tools ต่างๆจาก
E2Studio / IAR for renesas / support / gallery
ใน presentation ได้มีการพูดถึงด้วยว่า 100% coverage test code
เพื่อความมั่นใจของลูกค้าในการใช้ platform ของบริษัทด้วย
Hardware ของ Renesas จะเป็น Core ARM ทั้งหมด
Tools ต่างๆเหล่านี้สามารถใช้งานได้ FREE ไม่มีค่า license เพิ่มเติมแต่อย่างใด
ทั้งนี้้ต้อง note ไว้ด้วยว่าค่าใช้จ่ายทางด้าน hardware จะมีราคา premium หรือแพงกว่าเมื่อเทียบกับ Top แบรนด์ของโลก เช่น TI / ST / Microchip
เป็น software platform สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ถ้าคุ้นเคยกับมันแล้วจะทำงานได้เร็วมากๆ
การ init ตั้งค่าหรือแก้ไขโปรเจคมีตัวช่วยให้ใช้งานมาก
แต่ในขั้นตอน coding จำเป็นต้องการ dev ที่ geek ระดับหนึ่งอยู่ดีแต่ก็เพื่อแลกกับให้สามารถแก้ไข software ระดับล่างๆได้นั่นแหละ
ภาษาที่ใช้จากตัวอย่างเป็น C ล้วนๆ สามารถใช้ C++ ได้(แต่เค้าไม่ใช้กันหรอกมั้ง 55+)
e2studio เป็น dev tool ที่ดีงามน่าใช้มากอย่างที่บริษัทเค้าคุยเอาไว้
สามารถทำ feature ยากๆเช่น USB HID ได้ง่ายๆและรวดเร็วภายในเวลาหลักไม่กี่นาทีสำหรับผู้เชี่ยวชาญหรือไม่เกินชั่วโมงสำหรับผือใหม่อย่างที่บริษัทคุยไว้จริงๆ
ส่วนหนึ่งก็เพราะมี lab+วิธีให้แล้วไงถึงได้เร็วมากขนาดนี้ แต่ก็แสดงถึงความสำคัญของ gallery ที่เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของ platform นั่นเอง
มีการอินทริเกรด tool สำหรับ init project เข้ามาไว้ใน e2studio เลยต่างจากของ ST ที่ปัจจุบันใช้วิธีการแยกโปรแกรม cube ออกมาเดี่ยวๆ
(ไม่แน่ใจว่า TrueStudio ที่ ST ซื้อไปและพึ่งปล่อยฟรีจะใช้วิธีการไหนเพราะยังไม่เคยลองใช้)
การไล่ track stack ทำได้เป็นระเบียบเรียบร้อยและใช้งานได้จริงโดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับ Renesas RTOS
พูดถึงเรื่อง RTOS api ทั่วไปดูเป็นมาตรฐานและพร้อมใช้งานได้เลยทันที
การดูแลโปรเจคไม่ต้องมาปวดหัวกับการ port api version ใหม่ๆหรือการไล่แก้บั๊คเอง
ภายในโปรแกรม e2studio มีการใส่ graph/dashboard gui สำหรับใช้ในงาน debug มาด้วย
เปรียบเทียบกับเป็นทางฝั่ง ST (อีกแล้ว) ที่ต้องไปเปิดโปรแกรมชื่อ STMStudio อีกโปรแกรมหนึ่งเพื่อทำการ debug
ข้อดีของการรวมทุกอย่างไว้ใน e2studio คือความสะดวกสบายไม่ต้องไปเปิดโปรแกรมอื่นเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว
แต่ข้อเสียก็คือมันดูเยอะไปหมดต้องฝึกใช้ให้ชินก่อน
การหัดใช้งานเริ่มจากศูนย์โดยการเริ่มเปิดโปรแกรมลุยเองน่าจะงงแน่ๆ จำเป็นอย่างมากที่ต้องมี Getting Started Training
ลองใช้กับจอ 15-inch Widescreen ที่ความละเอียด 1920x1080 ยังรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าจอเล็กเกินไปที่จะใช้โปรแกรมนี้
อีกเรื่องหนึ่งคือไม่แน่ใจว่าระยะยาวๆบริษัทจะดูแล dev tools ตัวนี้ได้ดีขนาดไหนกับแนวทางรวมทุกอย่างเข้ามาไว้ที่เดียวแบบนี้
ความสามารถลึกๆจะสู้การแยกโปรแกรมออกไปเดี่ยวๆได้รึเปล่า? หรือว่าเค้าจะมี software แยกอีกรึเปล่าอันนี้ไม่ทราบเหมือนกันครับ
โดยรวมดูแล้วเป็น platform ที่เหมาะมากกับ startup หรือโปรเจคที่ไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการวิจัย
หรือเก็บ knowledge ของ features ยากๆในระดับ low level ซึงจะใช้เวลาในช่วง learning สูงมากๆสำหรับการสร้างทีมๆหนึ่งขึ้นมา
หากเป็นโปรเจคเร่งด่วนที่ต้องการฟีเจอร์ยากๆหรือโปรดักซ์ที่ไม่ได้มี Volumn การขายในจำนวนที่สูงมากนักก็จะไม่คุ้มที่เสียเวลา learning นัก
การยอมจ่ายค่า hardware แพงขึ้นหน่อยนึง(รึเปล่า?)แล้วเอาเวลาไปใช้ออกแบบ software ระดับบนๆขึ้นไปเพื่อเพิ่ม margin
ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในโลกในที่ IoT+Startup กำลังบูมขึ้นมาแบบปัจจุบัน
แต่หากพูดถึงโปรเจคที่มี volumn สูงมากๆและมี margin ต่ำๆ
ซึ่งอาจจะไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับ cost ทางด้าน software dev. มากเท่าไหร่หากใช้ platform นี้ก็อาจจะแข่งกับคนอื่นได้ลำบาก
ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันให้ดีๆนะว่าโปรเจคที่ทำอยู่จุดไหนของอุตสาหกรรม